" Buddha Bless "เพลงที่มีมากกว่าความฮา

เนื้อเรื่อง

   ได้รับการโหวตจากผู้ชมให้เป็นวงที่มีลีลาการแสดงอันกวน และฮาที่สุดบนเวที "แฟต เฟสติวัล ครั้งที่ 5" เทศกาลดนตรี และศิลปะนอกกระแส ซึ่งจัดขึ้นที่สวนสนุกแดนเนรมิตรเก่า ย่านพหลโยธินในช่วงปลายปีที่ผ่านมา สำหรับสามหนุ่มแห่งสังกัด "ก้านคอคลับ" ในนาม บุดดะห์ เบลสส์ (Buddha Bless **ช่วยตรวจตัวสะกดให้ทีครับ**) ที่ประกอบด้วยสามหนุ่ม "กุ๊ยอุ๋ย" นที เอกวิจิตร์ "เก๋าโต้ง" สุรนันต์ ชุ่มธาราธร และ "โก๋เอ็ม" กิติพงศ์ คำสาตร์

   เมื่อ "คม ชัด ลึก" ได้ลองค้นลึกถึงเนื้อหาสาระในงานเพลง รวมถึงตัวตนของพวกเขาก็พบว่า สามหนุ่ม "บุดดะห์ เบลสส์" มีอะไรมากกว่าลีลาสนุก ห่าม ฮาเมื่ออยู่บนเวที

   "ชื่อวงเรามาจากที่ ผมเป็นคนที่ชอบศาสนาพุทธมาก ผมเลื่อมใสศรัทธา และเชื่อทุกอย่างที่เป็นคำสอนของพุทธ จึงคิดคำว่า บุดดะห์ ขึ้นมา แล้วทีนี้ก็นำคำอวยพรของชาวคริสต์ที่ว่า ก็อด เบลสส์ ยู (God Bless U) มาใช้ในแบบไทยเรา คือ บุดดะห์ เบลสส์ แปลว่า พระคุ้มครอง มันรู้สึกว่าเป็นสิริมงคลดี เหมือนอวยพรกันทุกครั้งที่พูดชื่อวง"

   กุ๊ยอุ๋ย อดีตสมาชิกกลุ่ม "เอวายเอ็ม" วงฮิพฮอพ อันเดอร์กราวนด์ อาสาอธิบายถึงที่มาของชื่อวง  นักแรพร่างโย่ง ผู้มาพร้อมกับเสื้อสีเหลืองตัวโคร่ง และทรงผมฟูฟ่อง เล่าถึงการตัดสินใจครั้งสำคัญ ซึ่งทำให้ก่อเกิดวงนี้ขึ้น

   "จริงแล้วๆ ผมเคยมีอาชีพเป็นเซลล์ขายรถ ผมทำไปวันๆ เพื่อให้เลี้ยงชีวิตอยู่ได้แต่หัวใจผมมันบอกว่า อยากทำเพลงมากกว่า เพลงคือสิ่งที่ผมรัก แล้วผมก็ลาออกมาทำเพลงกับเพื่อน คือ โต้ง และเอ็ม ซึ่งตอนนั้นคนรอบข้างผมก็บอกว่าผมสิ้นคิด บอกให้ทำงานและทำเพลงไปพร้อมกันก็ได้ แต่ผมคิดว่าหากทำอย่างนั้นกว่างานเพลงจะเสร็จคงอีกไม่ต่ำกว่า 5 ปีแน่ มันต้องเลือก ผมจึงตัดสินใจ ทำให้ผมเข้าถึงเพลง 'ความเชื่อ' ของบอดี้สแลมเลย ชีวิตมันต้องเดินตามฝัน"

   เก๋าโต้ง อีกหนึ่งสมาชิกในวงเล่าบ้างว่า พวกเขาได้โอกาสจาก โจอี้ บอย เจ้าของสังกัด ก้านคอคลับ เนื่องจากคุ้นเคยกันดีอยู่แล้วในแวดวงศิลปินฮิพฮอพ โดยอัลบั้มชุด "ไฟเขียวไฟแดง" นี้มี ดีเจสไปด้ามังกี้ เป็นผู้ควบคุมการผลิต

   เข้าเรื่องงานเพลง กุ๊ยอุ๋ย เล่าว่าเป็นแนวแดนซ์ฮอลล์ (Dancehall) คือ ฮิพฮอพผสมเรกเก้ และดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ โดยมี โก๋เอ็ม เป็นนักร้องนำ ส่วนเพื่อนอีกสองคนจะทำหน้าที่แรพ

   ด้านแนวคิด และเนื้อหาของงานเพลงชุดนี้จะสอดแทรกหลักปฏิบัติของศาสนาพุทธไว้ แต่นำเสนอในมุมที่สนุกสนาน รวมถึงปรับภาษาให้ไร้คำหยาบคายต่างจากยุคทำเพลงใต้ดิน

   "แน่นอนเราต้องโดนคนในเพลงใต้ดินว่าเราขายวิญญาณหากเราขึ้นมาอยู่บนดิน สมัยก่อนผมก็เคยว่าคนอื่น แต่ตอนนี้เราอยากทำเพลงให้คนฟังในวงกว้าง เราต้องยอมรับกฎของสังคม แต่เพลงของผมก็ไม่ได้อ่อนหน่อมแน้มจนเกินไป และผมก็ไม่ได้ฝืนตัวเองอะไร เหมือนกับว่าเราโตขึ้นจะให้ไปด่าใช้คำหยาบอย่างเดียวมันก็ไม่ใช่แล้ว และผมอยากให้เพลงของเรามีเสียงร้องเพราะๆ จึงชวนเอ็มนักกราฟฟิตี้ที่ผมว่าร้องเพลงดีมาร้องนำให้

   เราคิดว่าจะต้องทำเพลงที่มีสาระในหลักศาสนาพุทธแล้วก็ให้สนุกสนานด้วย แต่ไม่ถึงขั้นว่าจะไปสั่งสอนอะไรเขา อย่างเพลง 'ชิงหมาเกิด' เราก็ใส่คำพระสวดไว้ในเพลง 'ไฟเออร์' เราก็พูดถึงการที่วัยรุ่นไปแออัดกันดิ้นอยู่ในผับ บางครั้งผมมองแล้วก็คิดว่าทำไมคนเราอยู่ดีๆ ต้องมาทำให้ตัวเองเมาๆ มึนๆ เหนื่อยอึดอัดแล้วก็ดิ้นกันอย่างเมามัน มองจากชั้นบนคล้ายกับคนพวกนี้กำลังอยู่ในนรกเลย หรือบางทีเราเห็นผู้หญิงเมาๆ อยู่ในผับ เราจะจีบเธอด้วยคำบาดใจอย่างไรเธอก็คงไม่รับรู้แล้วเพราะเมามาก เราอยากให้เธอกลับไปนอนมากกว่า เพราะหากเธอไม่เมาคงจะดูดีกว่านี้เยอะ"

   กับลีลาท่าเต้นที่เรียกเสียงฮาบนเวทีอันเป็นสีสันโดดเด่น จนอาจทำให้บรรดานักวิจารณ์มองได้ว่า พวกเขาขายภาพลักษณ์ ขายโชว์บนเวทีมากกว่าความเข้มข้นของดนตรี เกี่ยวกับเรื่องนี้ กุ๊ยอุ๋ย ชี้แจงว่า

   "ที่เรามีท่าเต้นกวนๆ ขำๆ มีมุกตลก เพราะเราคิดว่าอย่างแรกสุด ที่เราทำให้คนที่ไม่เคยมาดูเรามาก่อน มีเสียงหัวเราะฮึแรกขึ้นมาได้ มันเป็นการเปิดใจให้เข้ากับเราใกล้ชิดกันมากขึ้น พอเขาชอบเราก็พร้อมที่สนุกกับเพลงเรา และค่อยๆ ซึมซับเนื้อหาสาระของเราไป

   และไหนๆ เราสามคนก็เป็นคนชอบเต้นท่าฮาๆ เหมือนกันแล้วก็เต้นพร้อมกันไปเลย มีท่าโบกมือพร้อมกันมันดูฮา ท่าเต้นแบบเรกเก้ และท่ารันนิ่งแมนเป็นท่าเด็ด แน่นอนว่าจะมีอะไรใหม่ๆ ออกมาอีกแน่นอนเพราะงานชุดนี้เราตั้งใจกันมาก"

   เ มื่อ "คม ชัด ลึก" ได้ลองค้นลึกถึงเนื้อหาสาระในงานเพลง รวมถึงตัวตนของพวกเขาก็พบว่า สามหนุ่ม "บุดดะห์ เบลสส์" มีอะไรมากกว่าลีลาสนุก ห่าม ฮาเมื่ออยู่บนเวที

   "ชื่อวงเรามาจากที่ ผมเป็นคนที่ชอบศาสนาพุทธมาก ผมเลื่อมใสศรัทธา และเชื่อทุกอย่างที่เป็นคำสอนของพุทธ จึงคิดคำว่า บุดดะห์ ขึ้นมา แล้วทีนี้ก็นำคำอวยพรของชาวคริสต์ที่ว่า ก็อด เบลสส์ ยู (God Bless U) มาใช้ในแบบไทยเรา คือ บุดดะห์ เบลสส์ แปลว่า พระคุ้มครอง มันรู้สึกว่าเป็นสิริมงคลดี เหมือนอวยพรกันทุกครั้งที่พูดชื่อวง" กุ๊ยอุ๋ย อดีตสมาชิกกลุ่ม "เอวายเอ็ม" วงฮิพฮอพ อันเดอร์กราวนด์ อาสาอธิบายถึงที่มาของชื่อวง

   นักแรพร่างโย่ง ผู้มาพร้อมกับเสื้อสีเหลืองตัวโคร่ง และทรงผมฟูฟ่อง เล่าถึงการตัดสินใจครั้งสำคัญ ซึ่งทำให้ก่อเกิดวงนี้ขึ้น